บีเอ็นบีโฮม แนะควรเลือกที่นอนแบบไหนให้ผู้สูงอายุไม่ปวดหลัง หลับลึกไม่ตื่นกลางดึก

จำนวนผู้เข้าชม : 500 ครั้ง

การนอน คือการพักผ่อนที่ดีที่สุดของคนในทุกวัย  แต่สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุมักประสบกับปัญหาเรื่องการนอนจากปัจจัยทางร่างกายที่การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการนอนไม่หลับ ปัญหาตื่นกลางดึก อาการปวดหลังและปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมถึงปัญหาภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นได้ง่ายขึ้น การพักผ่อนไม่เพียงพอนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ หนึ่งในทางแก้ปัญหาที่สามารถทำได้ง่ายๆ คือ การเลือกที่นอนที่ดีมีคุณภาพ ส่งผลทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี สร้างกระบวนการต่างๆ ให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการเลือกที่นอน เตียงนอน จึงต้องพิจารณาถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสม และปลอดภัยกับผู้สูงอายุมากที่สุด  โดยในวันนี้ บีเอ็นบี โฮม ได้รวบรวมวิธีการเลือกที่นอนให้ตอบโจทย์ผู้สูงวัยมาฝากกัน


  1.  ความหนาแน่นและความนุ่มของที่นอน  เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งที่นอนสำหรับผู้สูงอายุที่ดีควรมีระดับความหนาแน่น และความนุ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง รองรับสรีระทางร่างกาย โดยเฉพาะส่วนโค้งเว้า และรองรับกับกระดูกสันหลังได้อย่างพอดี เพื่อลดอาการปวดหลัง และอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย


 


(ที่นอนยางพารา LADY AMERICANA รุ่น NATURE CARE ระดับความนุ่ม-แน่น ระดับ 8)


  1. 2.  ขนาดที่นอนควรเลือกให้เหมาะกับจำนวนผู้ใช้งาน เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดขณะพักผ่อน โดยที่นอนไม่ควรเล็กกว่า 3.5 ฟุต มีขนาดกว้าง 105 ซม. ยาว 195 ซม. ซึ่งถือเป็นที่นอนขนาดมาตรฐาน เหมาะสำหรับนอนเพียง 1 ท่าน หากเลือกใช้ที่นอนที่มีขนาดเล็กจนเกินไป จะทำให้ไม่มีพื้นที่ในการพลิกหรือขยับตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย จากการนอนค้างในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน และอาจลุกลามทำให้เกิดปัญหาการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุตามมาอีกด้วย


  1.    3. ความสูงของเตียงนั้นมีความสำคัญอย่างมาก สำหรับการเลือกเตียงให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งมีผลต่อความปลอดภัยของคนที่เรารัก โดยความสูงที่เหมาะสมสำหรับเตียงนอนผู้สูงอายุ ไม่ควรเกิน 40 เซนติเมตร  เพื่อที่เวลาลุกขึ้นนั่ง หรือลุกจากเตียง เท้าจะพอดีกับพื้น หากเตียงที่มีความสูงจนเกินไป อาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุได้


(ที่นอนสปริง MURANO รุ่น UPDATED HW-DELUXE-TW ขนาด 3.5 ฟุต)


  1.   ประเภทวัสดุที่ใช้ทำที่นอนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ปัจจุบันมีวัสดุให้เลือกหลากหลาย โดยแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป



  • ที่นอนยางพารา จะมีความยืดหยุ่นสูง ไม่เกิดการยุบตัวเป็นแอ่งของที่นอน รับกับสรีระร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงช่วยลดอาการปวดหลัง และอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี แต่ที่นอนประเภทนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงมากกว่าที่นอนประเภทอื่น

  • ที่นอนสปริง เป็นอีกหนึ่งที่นอนที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีราคาจับต้องได้ และยังมีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง และคืนตัวได้ดี ช่วยรองรับและกระจายน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีน้ำหนักเบาขนย้ายสะดวก

  • ที่นอนโฟมยางสังเคราะห์ ที่นอนประเภทนี้จะผ่านกระบวนการอัดแน่นพิเศษ จึงให้ความหนาแน่นของที่นอนมากกว่าโฟมทั่วไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแน่นของที่นอนเป็นพิเศษ สามารถรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม ข้อเสีย คือ การคืนตัวอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่นอนยางพาราและที่นอนสปริง รวมถึงอายุการใช้งานสั้นกว่า

  • ที่นอนใยมะพร้าว จะผลิตขึ้นมาจากใยมะพร้าวนำมาอัดแน่นด้วยกาวขึ้นรูปเป็นที่นอน ทำให้ที่นอนมีความแน่นและทึบ ค่อนข้างแข็ง ไม่อ่อนยวบ ไม่ยุบตัว ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรและไม่เหมาะกับการนอนของผู้สูงอายุ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง และมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพราะเมื่อใช้เป็นเวลานานวัสดุจะลุ่ยเป็นฝุ่นผงจากใยมะพร้าวนั่นเอง


 

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 42 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)


 

Recent Posts