“มิ้งค์ สระบุรี” กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 13 ของวงการสนุกเกอร์หญิง และคนที่ 2 ของเอเชีย ยังเป็นนักสอยคิวหญิงคนล่าสุด ร่วมกับ เรียนน์ อีแวนส์ แชมป์โลก 12 สมัย และอึ๊ง ออน ยี แชมป์โลก 3 สมัยชาวฮ่องกง ที่ได้รับทัวร์การ์ดลงแข่งสนุกเกอร์อาชีพกับผู้ชาย 2 ปีติดต่อกัน ในปี 2022-2023 และ 2023-2024 อีกด้วย
“มิ้งค์ สระบุรี” บอกว่า รู้สึกว่าเร็วมากกับการคว้าแชมป์โลกครั้งนี้ได้สำเร็จ ซึ่งในรอบชิงเฟรมสุดท้าย ช็อตชิงดำสุดท้ายตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามควบคุมตัวเอง และแทงดำจนคว้าแชมป์ได้ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ก็อยากให้เป็นจุดเปลี่ยนของวงการ เพราะว่าฝันไว้ว่าอยากจะเข้าไปเล่นกับผู้ชาย ซึ่งก็รู้ดีว่าตอนนี้ยังสู้ไม่ได้ แต่ก็จะพยายามทำเต็มที่ เพื่อสร้างสีสัน และพัฒนาวงการสนุกเกอร์ให้เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่นิยมมากขึ้น
“ตอนนี้ผู้หญิงไม่ค่อยเล่นสนุกเกอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่า และก็มีทัวร์นาเมนต์จริงจังที่มีเงินรางวัลเยอะมาก ซึ่งปัจจุบันกีฬาสนุกเกอร์เปลี่ยนไปหมดแล้วจากภาพจำในอดีตของไทย ตอนนี้ถ้าลองเดินเข้าไปโต๊ะสนุกเกอร์ด้วยใจที่ไม่อคติ สนุกเกอร์เปลี่ยนไปหมดแล้ว นักกีฬาที่มาก็จะมาฝึกซ้อมอย่างจริงๆ จังๆ ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมือนจากเดิมแล้ว”
“น้องมิ้งค์” บอกอีกว่า มุมมองส่วนตัวคิดว่า อยากให้ทุกคนมองสนุกเกอร์เป็นอาชีพจริงๆ เพราะรายการแข่งขันของผู้ชายมีเงินรางวัลค่อนข้างสูงมาก ก็อยากให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติก่อน ตัวเองเล่นสนุกเกอร์คิดว่าเป็นกีฬาที่ดี และให้อะไรหลายอย่างมาก ทั้งความอดทน สมาธิ การวางแผน และการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
ประวัติการเป็นนักสนุกเกอร์หญิงคนแรกของไทยที่คว้าแชมป์โลกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย สาวน้อยวัย 22 ปี “มิ้งค์” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย เกิดและเติบโตที่ จ.สระบุรี โดยคุณแม่ทำงานเป็นแคชเชียร์ที่โต๊ะสนุกเกอร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของเป็นคุณพ่อของ “บิ๊ก สระบุรี” อรรถสิทธิ์ มหิทธิ นักสอยคิวไทยชื่อดัง ทำให้น้องมิ้งค์ได้รู้จัก และเริ่มเล่นกีฬาสนุกเกอร์เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ จากการซึมซับ ต่อจากที่น้องมิ้งค์เลิกเรียนจะมารอคุณแม่อยู่ที่ทำงานภายในสนุกเกอร์ คลับ น้องมิ้งค์มีสรีระรูปร่างมีความสูงเหมาะกับการเล่น ผู้ใหญ่จึงบอกให้น้องลองฝึกเล่นกีฬาสนุกเกอร์ เพราะว่าเธอมีช่วงเวลาว่าง และได้ฝึกสนุกเกอร์กับ “บิ๊ก สระบุรี” ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์สมัครเล่นโลกอย่างจริงจัง
การเข้าสู่วงการสอยคิวตั้งแต่อายุยังน้อยของมิ้งค์ ทำให้เธอได้ฝึกฝน และเรียนรู้อย่างรวดเร็วกับกีฬาชนิดนี้ ช่วงแรกเธอยอมรับว่าไม่ได้จริงจังกับการเล่นสนุกเกอร์ เพราะต้องเรียนควบคู่ไปด้วย และกลับมาซ้อม 2-3 ชั่วโมง จนกระทั่งมี “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญที่ทำให้ต้องเดินหน้าสู่วงการสอยคิวแบบเต็มตัว ช่วงที่น้องมิ้งค์เรียบจบในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และรอยต่อเตรียมสอบเข้าศึกษาต่อระดับมัยธมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนภายในจังหวัด คุณพ่อของเธอถามว่า ถ้าสอบไม่ติดลองดร็อปแล้วไปเรียน กศน. เพื่อทุ่มเทให้กับการซ้อมสนุกเกอร์ดีไหม? น้องมิ้งค์ตัดสินใจตอบไปว่า ลองดู! และปรากฏว่า เธอสอบไม่ติดจริงๆ ทำให้ได้มาซ้อมสนุกเกอร์อย่างจริงจัง
คุณพ่อของน้องมิ้งค์ได้ส่งเธอไปเรียนสนุกเกอร์ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ควบคู่ไปกับการเรียน กศน.ที่นั่นด้วยจนเรียนจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพราะคุณพ่อมองว่าสนุกเกอร์เป็นอาชีพได้ และเริ่มเห็นแววลูกสาวที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ซึ่งช่วงเวลานั้นมิ้งค์ได้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมสนุกเกอร์อย่างหนัก ฝึกซ้อมวันละหลายชั่วโมง จนเริ่มฉายแวว และมีชื่อติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปีเท่านั้น
