จากสถานการณ์ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการพยาบาล ดูเหมือนว่าทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แต่การแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมได้เกิดขึ้นแล้วในสหรัฐอเมริกาโดยเป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างองค์กรวิชาชีพและหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการรับมือกับวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข
ซิลเวอร์สปริง, รัฐแมริแลนด์, 17 กันยายน 2568 /PRNewswire/ สมาคมพยาบาลอเมริกัน (ANA) เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐและผู้นำของรัฐเข้าร่วมกระบวนการสมทบเงินทุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ชุมชนของตนสามารถเข้าถึงเงินทุนใหม่จากรัฐบาลกลางจำนวน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากศูนย์บริการเมดิแคร์และเมดิเคด (CMS) ซึ่งจัดสรรมาเพื่อเสริมสร้างบุคลากรพยาบาลในสถานดูแลระยะยาว เงินทุนที่จัดสรรโดย CMS นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในพยาบาล และจะช่วยสนับสนุนรัฐต่างๆ ในการเสริมสร้างโครงการพัฒนาบุคลากรสำหรับพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลในสถานดูแลระยะยาว การลงทุนแบบมีเป้าหมายนี้เป็นก้าวที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความท้าทายด้าบุคลากรทางการแพทย์ที่เร่งด่วนของประเทศ และสนับสนุนการดูแลรักษาประชากรกลุ่มเปราะบาง"การนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในโครงการที่สนับสนุนพยาบาลเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ชาญฉลาดและเป็นการลงทุนที่จำเป็นต่อสุขภาพของประเทศ
" ดร. เจนนิเฟอร์ เมนซิก เคนเนดี, พีเอชดี, เอ็มบีเอ, อาร์เอ็น, เอ็นอีเอ-บีซี, เอฟเอเอเอ็น ประธานสมาคม ANA กล่าว "เราขอเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐทุกคนใช้ประโยชน์จากเงินทุนที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานพยาบาลสามารถรับสมัครและรักษาพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลที่ผู้ป่วยต้องพึ่งพาได้ในทุกๆ วัน" การลงทุนครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญ และสมาคม ANA เน้นย้ำว่าการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็นสำหรับโครงการด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรพยาบาล การจัดสรรเงินทุนภายใต้โครงการ Title VIII Nursing Workforce Development อย่างเข้มแข็ง ซึ่งรวมถึงโครงการ Nursing Faculty Loan Repayment ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขยายขีดความสามารถในการฝึกอบรม และรับรองว่ามีคณาจารย์ที่มีคุณภาพพร้อมที่จะสร้างพยาบาลรุ่นใหม่
ดังนั้น การทำงานร่วมกันนี้สะท้อนให้เห็นว่า สมาคมพยาบาลอเมริกัน (ANA) ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพยาบาลในการขับเคลื่อนนโยบายและเรียกร้องสิทธิประโยชน์ เพื่อให้เกิดการดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพและปลอดภัยขณะที่วิกฤตพยาบาลทั่วโลกได้รับการย้ำเตือนจากองค์กรระดับโลกอย่าง องค์การอนามัยโลก (WHO) และ สภาการพยาบาลสากล (ICN) แต่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในสหรัฐอเมริกานี้ ได้แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาต้องอาศัยการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างทุกภาคส่วน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวิชาชีพพยาบาลจะได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและผู้ป่วยจะได้รับการดูแลที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
