เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลอง ครบรอบ 40 ปี ของวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ สถาบันการศึกษาที่มีประสบการณ์ยาวนานในการผลิตบุคลากรด้านสุขภาพ ได้จัดการประชุมวิชาการขึ้น เพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ วิเคราะห์บทบาทสำคัญ ของการศึกษาและสุขภาพในการส่งเสริมศักยภาพของบุคคล, การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการสร้างความมั่นคงทางสังคม นอกจากนี้ยังจะเป็นเวทีสำหรับบุคลากรทางการแพทย์, นักวิชาการ, นักการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ทั้งด้านอุดมศึกษาและศาสนศาสตร์ ได้มาร่วมกัน: แลกเปลี่ยนความรู้ ทบทวนรูปแบบและวัตถุประสงค์ทางการศึกษา สามารถอภิปรายถึงบทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย ตั้งแต่บุคลากรทางการแพทย์, นักการศึกษา ไปจนถึงผู้เรียนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าการศึกษาสามารถตอบสนองความต้องการของทั้งบุคคล, อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ และสังคมโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
งานประชุมนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4-5 กันยายน 2568 ณ.โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ กรุงเทพฯ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นันทพันธ์ ชินล้ำประเสริฐ์ เป็นประธานในการจัดการประชุม และได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และนักศึกษาจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมงานประชุม
ในส่วนของการบรรยายพิเศษจากวิทยากรระดับนานาชาติครั้งนี้ ไฮไลท์สำคัญของการประชุมคือการบรรยายพิเศษจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านจาก เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งได้มาแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) จากสภาพยาบาลโลก ICN ที่เข้าร่วมบรรยายผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ความรู้ในระดับสากลแก่ผู้เข้าร่วมประชุมทั่วโลก
ด้านเวทีการแลกเปลี่ยนความรู้ในประเทศ มีวิทยากรจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทย ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สถาบันพระบรมราชชนก ได้ร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติในภูมิภาคเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการที่เข้มแข็งในระดับภูมิภาค
การประชุมนี้ยังเปิดโอกาสให้ คณาจารย์และนักศึกษาในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ได้นำเสนอผลงานวิจัยของตนเองในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอด้วยวาจา (Oral Presentation) หรือ โปสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Posters) ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีในการเผยแพร่ผลงานสู่เวทีระดับนานาชาติและสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาและวิจัยต่อไปในอนาคต
การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับความรู้ทางวิชาการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกอีกด้วย
