กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผยสรรพคุณจากส่วนต่างๆของ “กล้วยน้ำว้า” เช่น ผลกล้วยดิบ ผลกล้วยสุก และ ปลีกล้วย เป็นยารักษาโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ในส่วนของลำต้น
ต้นกล้วย นอกเหนือจากการนำใบตองมาใช้ห่ออาหารหรืองานศิลปหัตถกรรม เช่น กลีบกระทง บายศรี หรือการนำต้นกล้วยมาหั่นเป็นท่อนใช้ทำฐานกระทง รวมไปถึงหยวกกล้วยที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้ เช่น แกงส้มหยวกกล้วย หมกไก่ใส่หยวกกล้วย
รวมไปถึงส่วนอื่นๆของกล้วยน้ำว้า ยังมีสรรพคุณทางยา ได้แก่ ผลกล้วยน้ำว้าดิบมีรสฝาด บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ (อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปน) เนื่องจากสารแทนนินในกล้วยน้ำว้าดิบหรือห่าม มีสรรพคุณช่วยลดการหดเกร็งและลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ จะช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้
วิธีรับประทาน ให้รับประทานครั้งละ ครึ่งลูก หรือ 1 ลูก หรือฝานเป็นแว่น ๆ ตากแดดให้แห้งแล้วบดเป็นผง รับประทานครั้งละ 10 กรัม ชงในน้ำร้อน 120 – 200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรได้บรรจุให้ยากล้วย มีข้อบ่งใช้สำหรับ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ สำหรับข้อควรระวัง ไม่ควรใช้กับ ผู้ที่มีอาการท้องผูก และการรับประทานยานี้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้ท้องอืดได้ ผ
ผลกล้วยน้ำว้าสุก มีรสหวาน มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เนื่องจากมีสารเพคตินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยเพิ่มกากอาหารให้กับลำไส้ เมื่อผนังลำไส้ถูกดันก็จะทำให้รู้สึกอยากขับถ่าย วิธีรับประทาน ให้รับประทานครั้งละ 1 – 2 ลูก และดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
นอกจากสรรพคุณจากผลกล้วยแล้ว เปลือกกล้วย ยังมีประโยชน์โดยจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ช่วยแก้ปัญหา ข้อศอกด้าน ข้อเข่าด้าน วิธีการทำ หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายแล้ว ให้นำเปลือกกล้วยโดยนำด้านในของเปลือกกล้วยมาขัดถู และพอกบริเวณข้อศอกหรือข้อเข่า ทิ้งไว้ 10 -15 นาที แล้วล้างออก
หัวปลี สรรพคุณ บำรุงโลหิตสำหรับมารดาหลังคลอด และ ช่วยบำรุงน้ำนมในสตรีที่ให้นมบุตร หรือนำมาประกอบเมนูอาหารได้หลากหลาย เช่น แกงเลียงหัวปลี ต้มยำหัวปลี ยำหัวปลี เป็นต้น